วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551

ถกเถียงเรื่องการใช้ชีวิตอมตะ ไม่ง่ายเหมือนคิด

ถึงแม้จะมีเพียง ๖๐ คนในรายการนี้ แต่สิ่งที่คนเหล่านี้นำขึ้นมาพูดถกเถียงกันนั้น ไม่ได้ไกลจากความเป็นจริงของคนหมู่มากในสังคมที่ร่ำรวยอย่างสังคมตะวันตกเลย เพราะความคิดเหล่านี้แหละที่อยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมเสริมสวย และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย ที่ทำเงินหลายพันล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ การชะลอความแก่เฒ่าของมนุษย์ พร้อมกับการสร้างเสริมอัตตาตัวตนของแต่ละคนให้ มั่นคงมากขึ้น ซึ่งสังคมของคนยุคใหม่โดยเฉพาะในสังคมที่ร่ำรวยเช่นสังคมตะวันตกจะเรียกอัตตาตัวตนว่า “ความมั่นใจในตนเอง” หรือมี self confidence, self esteem ซึ่งฟังแล้วดีกว่าคำว่า egoistic, egocentric หรือ self-centered ด้วยความช่วยเหลือของอุตสาหกรรมโฆษณา advertising industry และกลไกของความคิดที่เป็นมายา มนุษย์จึงถูกหลอกให้เข้าใจว่าสามารถชะลอความแก่เฒ่าและอยู่เหนือความตายได้ เรื่องการรักสวยรักงามและอยากจะให้มันอยู่อย่างคงทนถาวรอาจจะฟังเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือไร้สาระ trivial สำหรับคนที่ไม่เห็นความสวยงามเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่จริงแล้ว พวกเขากำลังพูดถึงหัวข้อต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อชีวิตมากทีเดียว นั่นคือ การเผชิญหน้ากับความชรา ความตาย ทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตที่เป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่เสมอ ซึ่งเรื่องนี้คือ เรื่องการใช้ชีวิตอย่างเป็นอมตะ eternity หรือ immortality ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับ “การเป็น ตัวของตัวเอง” หรือ ถ้าจะเรียบเรียงคำพูดใหม่คือ การหา “ตัวจริง ๆ ของเรา” นั่นเอง
คนมักพูดถึงเรื่องการเป็นตัวของตัวเอง หรือ เป็นตัวจริง ๆ ของเราราวกับว่าเป็นเรื่องทำกันง่าย ๆ ที่จริงแล้ว เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด เพราะเป็นเรื่องการต่อสู้กับความคิดความรู้สึกภายในของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาพุทธและเป็นรายละเอียดของเรื่องการปฏิบัติสติปัฏฐานสี่โดยตรง

ไม่มีความคิดเห็น: